ผ่าธุรกิจ SCN กว่าจะยืนหนึ่งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ-พลังงานทดแทน
ข่าวสาร
|
03 เมษายน 2566

      ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN กล่าวว่า ในธุรกิจกงสี มักถูกพูดถึงเสมอว่า รุ่นที่ 1 ทำมาดีแล้ว รุ่นที่ 2 ไม่ต้องทำอะไร และเมื่อถึงรุ่นที่ 3 ธุรกิจเจ๊ง ซึ่งหาก สแกน อินเตอร์ ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อประมาณ 8 ปีทีแล้ว ธุรกิจของ สแกน อินเตอร์ ก็คงไม่ต่างจากธุรกิจกงสีทั่วไป เพราะก่อนหน้านั้น คุณพ่อ คือ ผู้ที่บริหารจัดการและสั่งงานทั้งหมดอยู่เพียงคนเดียว เป็นการบริหารงานแบบเถ้าแก่ ที่ทุกคนต้องรอฟังคำสั่งจาก คุณพ่อ เพียงคนเดียว

      ยืนหนึ่งธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2530 ธุรกิจของ สแกน อินเตอร์ เริ่มจากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างปั๊มน้ำมัน เริ่มจากการเก็บประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทอื่น จนสามารถเปิดบริษัทของตนเองและกลายเป็นที่ไว้วางใจของ ปตท. ทำให้ได้ก่อสร้างปั๊มน้ำมันจนมีส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุด ต่อมาในยุค 90 ก๊าซ NGV เริ่มเข้ามาในประเทศไทย บริษัทก็ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้บุกเบิกปั๊ม NGV ในประเทศไทย จากปั๊มน้ำมันก็มาสู่ธุรกิจ NGV วิสัยทัศน์ของ คุณพ่อ คาดการณ์ไว้ว่า NGV จะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยอย่างน้อย 20 ปี คุณพ่อจึงตัดสินใจนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับ NGV เพื่อประกอบธุรกิจด้านนี้ ซึ่งต้องบอกว่าในยุคนั้นที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เป็นความยากลำบากมากในการหาแหล่งผู้ผลิตที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานเพราะปั๊มน้ำมันกับปั๊มแก๊สต่างกัน NGV ต้องมีปั๊มเล็กๆอยู่ใต้ดินเพื่อควบคุมแรงดัน

      จนในที่สุดก็ได้อุปกรณ์จากบริษัทในประเทศนิวซีแลนด์ จากการประสานงานกับสถานทูตในประเทศต่างๆเพื่อหาข้อมูล โดยเริ่มจากการนำชิ้นส่วนอุปกรณ์มาประกอบในไทย จนสามารถผลิตเองได้ มีโรงงานของตนเอง ทำให้ต้นทุนต่ำ และสร้างข้อได้เปรียบในการเข้าประมูลโครงการต่างๆ และกลายเป็นผู้นำในตลาดนี้ในที่สุด นอกจากสร้างปั๊มแล้วยังเป็นเอกชนที่ได้รับสัมปทานจากปตท.ในการเป็นสถานีอัดแก๊สจากสถานีแม่ไปส่งยังสถานีลูก

      5 ปี เปลี่ยน กงสี สู่ บริษัทมหาชน การเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้งบการเงินบริษัทดี ทำให้บริษัทถูกเชื้อเชิญจากธนาคารกสิกรไทยให้เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าในตอนนั้น สมาชิกในครอบครัวมีบ้างที่ไม่เข้าใจและมองว่าเป็นการขายหุ้นและจะสูญเสียการควบคุม แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ได้มาคือ ความเป็นระบบของบริษัท เพราะก่อนหน้านี้ คุณพ่อ คือผู้บริหารที่สั่งงานคนเดียวตั้งแต่ระดับบนไปจนถึงรปภ.ทุกคนต้องนั่งรอคำสั่งจาก คุณพ่อ เพียงคนเดียว พนักงานมีจำนวนกว่า 1,000 คน แต่ทำงานจริงๆ ไม่กี่คน มีระบบการรับฝากจากคนรู้จักหลายตำแหน่ง บริษัทไม่ให้ความสำคัญกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล เพราะคิดว่าเป็นแผนกที่มีความรู้แค่เรื่องกฎหมายไว้ต่อสู่กับพนักงานเพียงอย่างเดียวพอ ดังนั้นวิศวกรคนไหนที่ผลงานไม่เข้าตา ก็จะถูกโยกมาอยู่แผนกนี้ และเนื่องจาก คุณพ่อ เป็นวิศวกร จึงให้ความสำคัญกับการผลิตผลงาน จนไม่ได้ดูเรื่องการเงิน และทำให้เป็นจุดรั่วอีกจุดที่สำคัญ

      ฤทธี เล่าว่า วันแรกที่ตัวเองเข้ามาเป็นซีอีโอแทนคุณพ่อ เขาปรับโครงสร้างและตำแหน่งงานใหม่หมด จนทำให้พนักงานต้องลาออกเองเกือบ 400 คน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ยอมและต้องจ่ายเงินชดเชย ขณะที่ ตัวคุณพ่อเอง เป็นจังหวะที่ท่านป่วย จึงให้ดูแลในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร มีหน้าที่ประชุมแค่เดือนละครั้งถึงสองครั้งเท่านั้น เขาเล่าต่ออีกว่า เขาคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นซีอีโอที่นำพาบริษัทเข้าตลาดฯอายุน้อยที่สุด คือ 32 ปี เนื่องจากคุณพ่อต้องการให้ตัวเองเป็นซีอีโอให้เร็วที่สุด ทำอย่างไรถึงจะเรียนรู้ได้เร็ว เพราะหลักการของการเป็นซีอีโอ ไม่ใช่รู้แค่ธุรกิจ แต่ต้องรู้เรื่องการเงินด้วย ต้องรู้เรื่อง M&A ซึ่งตนเองนั้นเรียนวิศวะเครื่องกลมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นก็ต่อระดับปริญญาโทและเอกด้านพลังงาน ไม่มีความรู้เรื่องการเงินเลย จึงต้องใช้เวลา 2-3 ปี ในการเรียนรู้ผ่านการอ่านข่าว การพบปะผู้ใหญ่ในวงการจนกระทั่งเข้าใจและสามารถต่อจิ๊กซอทางธุรกิจได้ เปรียบเหมือนการหัดปั่นจักรยานเมื่อเข้าใจแล้วก็เป็นเลย

      ขยายสู่ธุรกิจข้างเคียงตั้งตัวเป็นโฮลดิ้ง ปัจจุบันธุรกิจของ สแกน อินเตอร์ นอกจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เป็นธุรกิจหลักแล้ว ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติด้วย คือ ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ NGV ,ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจขนส่งและอื่นๆ โดยสแกน อินเตอร์จะมีลักษณะเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี และแยกบริษัทลูกออกมาในแต่ละธุรกิจ โดยสแกน อินเตอร์จะเข้าไปถือหุ้นร่วมกับพันธมิตรต่างๆเพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน สำหรับผลประกอบการปี 2565 บริษัทสามารถทำกำไรเติบโตได้สุทธิ นิวไฮ 346 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 4 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สวนทางกับวิกฤตการณ์ระบาดของไวรัส COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก โดยมีรายได้จากการขายและบริการ ใน Q4/2022 อยู่ที่ 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งทำให้ปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,400 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 569 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 81%

      นอกจากรายได้จากการขายและบริการแล้วที่ผลักดันให้บริษัทฯเติบโตแล้ว ยังมีรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโต โดยมีรายได้อยู่ที่ 867 ล้านบาท ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้อยู่ที่ 162 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 73 ล้านบาท นอกจากนี้สำหรับธุรกิจขนส่งและอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 297 ล้านบาท

ติดต่อเรา

เราเป็นบริษัทชั้นนำและเป็นผู้นำทางธุรกิจ
ด้านพลังงานทางเลือก ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

ติดต่อเรา